Search

กรีกคือหนึ่งในรากปัญญาตะวันตก จีนคือหนึ่งในรากปัญญ...

  • Share this:

กรีกคือหนึ่งในรากปัญญาตะวันตก จีนคือหนึ่งในรากปัญญาฝั่งตะวันออก หากลองเปรียบเทียบสองปรัชญาโบราณของสองแหล่งนี้อาจทำให้เข้าใจความต่างของสองฝั่งโลกมากขึ้น

ศาสตราจารย์เฝิงอิ่วหลัน อธิบายเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ 'ปรัชญาจีน จากขงจื่อถึงเหมาเจ๋อตง' โดยอ้างถึงคัมภีร์หลุนอวี่วรรคนี้อีกแล้ว "ท่านขงจื่อกล่าวว่า คนมีปัญญาชอบน้ำ คนมีเมตตาชอบภูเขา คนมีปัญญาเคลื่อนไหวเสมอ คนมีเมตตารักสงบ คนมีปัญญามีความสุข คนมีเมตตาอายุยืน"

ภาษาจีนมีคำศัพท์สองคำที่หมายถึงโลก หนึ่งคือ 'เทียนเซี่ย' (ใต้ฟ้า) สองคือ 'ซื่อไห่จือเน่ย' (ภายในทะเลสี่แห่ง) อันนี้น่าสนใจมาก แปลว่าโลกมองได้หลายแบบขึ้นอยู่กับภูมิประเทศของผู้คนในประเทศนั้นๆ

🔸🔸🔸

นักปรัชญาจีนและกรีกอยู่ในภูมิประเทศที่แตกต่าง มากไปกว่านั้นพวกเขามีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่ต่างกันด้วย

หัวใจความคิดเกี่ยวกับนโยบายสังคมเศรษฐกิจจีนผูกอยู่กับการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพราะกสิกรรมสำคัญสุด

สังคมจีนโบราณแบ่งเป็นสี่ชนชั้น เรียงสูงไปต่ำ ปัญญาชน กสิกร กรรมกร พ่อค้า จะเห็นว่าพ่อค้าวาณิชได้รับการดูถูก ส่วนเกษตรกรถูกยกย่อง

ในคัมภีร์หลี่ซื่อชุนชิว (รวมสาระสำคัญของสำนักคิดต่างๆ) พูดถึงชาวนาว่า "ชาวนาใช้ชีวิตเรียบง่าย เรียกใช้งานง่าย ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก จึงไม่เห็นแก่ตัว ทรัพย์สมบัติของพวกเขาเทอะทะใหญ่โต ขนย้ายลำบาก ฉะนั้น เมื่อบ้านเมืองประสบภัยพิบัติ พวกเขาจะไม่ละทิ้งบ้านเมืองเพื่อหนีเอาตัวรอด ส่วนพ่อค้าใจคอคับแคบ ไม่เชื่อฟัง มีเล่ห์เหลี่ยมมาก จึงเห็นแก่ตัวมาก ทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขนย้ายง่าย เพราะฉะนั้น เมื่อบ้านเมืองประสบภัยพิบัติ พวกเขาจึงมักหนีไปต่างแดน"

ตามวรรคนี้มีปรัชญาเต๋าและปรัชญาหยู (สำนักขงจื่อ) ผสมกันอยู่ คือ เน้นเรื่องความเป็นอยู่ตามธรรมชาติและการเป็นพลเมืองที่ดี

🔸🔸🔸

ตัดภาพมาที่กรีก ศ.เฝิงอิ่วหลันอธิบายว่าคนกรีกมีชีวิตใกล้ทะเล พื้นฐานเป็นพ่อค้า สิ่งสำคัญของพ่อค้าคือตัวเลขในบัญชี ซึ่งตัวเลขและการคิดคำนวณเป็นฐานของการคิดแบบตรรกะ และการตั้งสมมติฐาน

ศ.ฟิลเมอร์ นอร์ทรอป กล่าวไว้ว่า "ปรัชญาตะวันตกคือความคิดที่ได้จากการตั้งสมมติฐาน แต่ปรัชญาจีนมาจากความรู้สึกโดยตรง"

พ่อค้าอยู่ในเมือง จึงเกิดรูปแบบองค์กรที่อาศัยผลประโยชน์ร่วมกันของเมืองเป็นรากฐาน กรีกจึงตั้ง 'นครรัฐ' แตกต่างจากจีนซึ่งเป็นระบบ 'ครอบครัวรัฐ'

ในนครรัฐ ไม่เป็นเผด็จการ เพราะในหมู่ราษฎรด้วยกันไม่ได้มีใครสำคัญหรือสูงส่งกว่าใคร แต่ในครอบครัวรัฐนั้นมีความเป็นเผด็จการ แบ่งระดับชั้น เหมือนบิดาสูงกว่าบุตรในครอบครัวนั่นแล

🔸🔸🔸

หนังสือ 'เลี่ยจื่อ' เล่าว่า เจ้าเมืองซ่งสั่งให้ช่างแกะสลักหยกฝีมือดีแกะหยกให้เหมือนใบไม้ ผ่านไปสามปีเมื่อแกะเสร็จก็ลองนำไปแขวนไว้บนต้นไม้ ปรากฏว่าไม่มีใครแยกออก เจ้าเมืองพอใจมาก ขณะที่เลี่ยจื่อกล่าวว่า "หากฟ้าดินให้กำเนิดสรรพสิ่งสามปี จึงให้กำเนิดใบไม้มาหนึ่งใบ เช้นนี้ต้นไม้ที่มีใบย่อมน้อยมาก"

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าปรัชญาจีนสดุดีธรรมชาติ และไม่ให้คุณค่าฝีมือคน เหมือนที่ชื่นชมวิถีชาวนาที่ดำเนินไปตามธรรมชาติ จะว่าไปคุณค่าของความพึงพอใจนั่นเป็นเรื่องที่ปรัชญาจีนให้ความสำคัญไม่ว่าสำนักเต๋าหรือขงจื่อ

(ใน 'จีนยุคบุราณรัฐ' ของอาจารย์วรศักดิ์ ก็มีมุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไว้มาเขียนอีกโพสต์นึง)

จึงเป็นเหตุผลที่สิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ ของจีนหลายอย่างไม่ได้ถูกส่งเสริมพัฒนาให้ล้ำขึ้นไปอีก กระทั่งบางอย่างอาจถูกขัดขวางด้วยซ้ำ (แน่นอนว่าไม่ใช่ในยุคสมัยนี้) ต่างจากกรีกที่บรรดาพ่อค้าต้องผลิตสินค้าใหม่ๆ และพัฒนาไปเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้ไม่เบื่อ

🔸🔸🔸

ความแตกต่างเรื่องปูมหลังทั้งภูมิประเทศและเศรษฐกิจสังคมของสองฝั่งแห่งปรัชญาใหญ่จึงน่าสนใจ

กลับไปที่คำพูดขงจื่อที่ว่า "คนมีปัญญาชอบน้ำ คนมีเมตตาชอบภูเขา คนมีปัญญาเคลื่อนไหวเสมอ คนมีเมตตารักสงบ คนมีปัญญามีความสุข คนมีเมตตาอายุยืน"

ศ.เฝิงอิ่วหลัน สรุปว่า "คนในประเทศใกล้ทะเลคือคนมีปัญญา คนแผ่นดินใหญ่คือคนมีเมตตา"

เป็นข้อสรุปที่น่าสนใจและชวนมองไปยังอีกหลายประเทศ เพราะทางออกทะเลทำให้มองออกไปไกลและเชื่อมโยงกับโลกใบอื่น ขณะที่คนในแผ่นดินอุดมสมบูรณ์สามารถใช้ชีวิตอยู่กับที่ พอใจกับสิ่งที่ทำได้ อยู่กับธรรมชาติ ใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด

จีนกับกรีกจึงต่างกันฉะนี้

แต่นั่นก็ยุคโบราณ เดี๋ยวนี้เกรงว่าจีนจะเป็นกรีกไม่แพ้กรีกโบราณ กระนั้น การปกครองแบบ 'ครอบครัวรัฐ' ก็ยังแผลงฤทธิ์ให้เห็นกับพ่อค้าทั้งหลาย

จีนจะใช้ปรัชญาดั้งเดิมผสานกับโลกสมัยใหม่อย่างไร น่าสนใจและน่าติดตามมิใช่น้อย เฮอะๆๆ (ลูบเคราแบบผู้เฒ่าในโรงเตี๊ยม)


Tags:

About author
not provided
นิ้วกลม / ติดต่อซื้อหนังสือที่คุณแบม 098-392-8551 / ติดต่องานที่คุณหนึ่ง 087-712-5874 ขอบคุณครับ :)
View all posts